การจ่ายเบี้ยยังชีพ

..............ประกาศ รับเบี้ยยังชีพ วันที่ 8 กรกฎาคม 2562 เวลา 13.00น. เป็นต้นไป.........

เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ หรือเบี้ยยังชีพคนชรา คือ 

เงินช่วยเหลือที่ภาครัฐจัดสรรไว้ให้กับผู้สูงอายุ เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน และในทุก ๆ ปี จะมีการเปิดให้ผู้สูงอายุรายใหม่ๆที่มีสิทธิ เข้ามาลงทะเบียนเพื่อรับเงินในส่วนนี้ โดยการลงทะเบียนรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุไม่จำเป็นต้องไปลงทะเบียนใหม่ทุกปี ลงเพียงครั้งเดียวก็ได้รับสิทธิไปตลอด เว้นแต่กรณีที่ผู้สูงอายุย้ายที่อยู่ หรืออาจมีปัญหารายชื่อตกหล่น ถึงค่อยไปทำการยืนยันสิทธิ แก้ไขปรับปรุงข้อมูลให้สมบูรณ์

 

เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุได้เงินเท่าไหร่?

การจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุในปัจจุบัน จะได้รับเงินช่วยเหลือเป็นรายเดือนต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ ตลอดชีวิต โดยหน่วยงานที่ดูแล ต้องจ่ายเบี้ยยังชีพภายในวันที่ 10 ของเดือน เป็นอัตราเพิ่มขึ้นเป็นขั้นบันไดตามช่วงอายุ ดังนี้

  • อายุ 60-69 ปี ได้รับเงิน 600 บาท/เดือน
  • อายุ 70-79 ปี ได้รับเงิน 700 บาท/เดือน
  • อายุ 80-89 ปี ได้รับเงิน 800 บาท/เดือน
  • อายุ 90 ปีขึ้นไป ได้รับเงิน 1,000 บาท/เดือน

นอกจากนี้ ผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยในโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะได้รับเงินเพิ่มในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐอีกด้วย ตามหลักเกณฑ์ คือ

  • รายได้มากกว่า 30,000 บาท แต่ไม่เกิน 100,000 บาท/ปี : ได้รับเงินเพิ่ม 50 บาท/เดือน
  • รายได้ไม่เกิน 30,000 บาท/ปี : ได้รับเพิ่ม 100 บาท/เดือน

 

คุณสมบัติของผู้รับ เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ

สำหรับผู้ที่มีสิทธิได้รับเงินช่วยเหลือเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ จะต้องมีคุณสมบัติตรงตามหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้

  1. สัญชาติไทย
  2. มีอายุ 59 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป (ในกรณีที่ทะเบียนราษฎร์ระบุเฉพาะปีเกิด ให้ถือว่าบุคคลนั้นเกิดวันที่ 1 มกราคมของปีนั้น เช่น เกิด พ.ศ. 2497 ให้ถือว่าเกิดวันที่ 1 มกราคม 249
  3. ขอรับเบี้ยตามที่อยู่ในทะเบียนบ้าน
  4. ไม่เป็นผู้ที่ได้รับสวัสดิการหรือสิทธิประโยชน์อื่นใดจากหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือเทศบาล อบต. ได้แก่ ผู้รับเงินบำนาญ เบี้ยหวัด บำนาญพิเศษ หรือเงินอื่นใดในลักษณะเดียวกัน ผู้สูงอายุที่อยู่ในสถานสงเคราะห์ของรัฐหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้ที่ได้รับเงินเดือน ค่าตอบแทน รายได้ประจำ หรือผลประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นที่รัฐหรือเทศบาล อบต.จัดให้เป็นประจำ ยกเว้นผู้พิการและผู้ป่วยเอดส์ตามระเบียบ

 

ลงทะเบียนรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุได้ที่ไหน?

  • หากอยู่ในกรุงเทพฯ สามารถไปลงทะเบียนรับเบี้ยยังชีพด้วยตัวเอง หรือมอบอำนาจเป็นลายลักษณ์อักษรให้ผู้อื่นยื่นแทนได้ที่สำนักงานเขตที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน
  • ส่วนต่างจังหวัดยื่นได้ที่สำนักงานเทศบาล หรือองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน 

 

ลงทะเบียนรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ได้เมื่อไร?

สำหรับกำหนดเปิดรับลงทะเบียนเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุรายใหม่ ประจำปีงบประมาณ 2563 มีระยะเวลาลงทะเบียน ตั้งแต่เดือน 1 มกราคม – 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 โดยแบ่งออกเป็น 2 รอบ ดังนี้

  • ลงทะเบียนช่วงเดือนมกราคม ถึง กันยายน 2561
    จะเริ่มได้รับเงินผู้สูงอายุงวดแรกในเดือนถัดไป จากเดือนที่มีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์เลย เช่น เกิดเดือนสิงหาคม 2502 ก็จะเริ่มได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุในเดือนกันยายน 2562
  • ลงทะเบียนช่วงเดือนตุลาคม ถึง พฤศจิกายน 2561
    จะเริ่มได้รับเงินผู้สูงอายุงวดแรกตั้งแต่เดือนตุลาคม 2562 เป็นต้นไป

 

หลักฐานสำหรับการลงทะเบียนรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ต้องใช้อะไรบ้าง?

  • กรณีผู้สูงอายุลงทะเบียนด้วยตนเอง
    1. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน จำนวน 1 ชุด
    2. สำเนาทะเบียนบ้าน จำนวน 1 ชุด
    3. สำเนาสมุดบัญชีเงินฝาก(ออมทรัพย์) จำนวน 1 ชุด

 

  • กรณีมอบอำนาจเป็นลายลักษณ์อักษรให้ผู้อื่นมายื่นคำขอรับเงินแทนได้ ต้องเตรียมเอกสารเพิ่มเติม ดังนี้
    1. หนังสือมอบอำนาจ (แบบฟอร์มมอบอำนาจขึ้นอยู่กับการดำเนินการของแต่ละพื้นที่ ให้ติดต่อเจ้าหน้าที่โดยตรง)
    2. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้รับมอบอำนาจ
    3. สำเนาทะเบียนบ้านของผู้รับมอบอำนาจ

**** เอกสารต้องลงลายมือชื่อ สำเนาถูกต้องทุกฉบับ!!! ผู้สูงอายุที่ไม่สามารถเขียนได้ ให้พิมพ์ลายมือแทน *****

 

ยื่นเอกสารเเล้วได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเมื่อไหร่?

ผู้สูงอายุที่ขึ้นทะเบียนไว้ ตั้งแต่วันที่ 1- 30 พฤศจิกายน ของทุกปี จะได้รับเงินเบี้ยยังชีพ เริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคม ของปีถัดไป (ไม่มีการจ่ายย้อนหลัง) เช่น ลงทะเบียนในเดือนพฤศจิกายน 2561 จะได้รับเงินเบี้ยยังชีพในเดือนตุลาคม 2562

 

รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุได้ที่ไหนบ้าง?

ผู้สูงอายุที่มีสิทธิสามารถเลือกได้ว่าจะรับเงินเบี้ยยังชีพผ่านทางช่องทางไหนได้ตามนี้

  1. รับเป็นเงินสดด้วยตนเอง
  2. ให้ผู้แทนที่ได้รับมอบอำนาจรับแทน
  3. โอนเข้าบัญชีธนาคารในนามของผู้สูงอายุ 
  4. โอนเข้าบัญชีธนาคารในนามของผู้แทนที่ได้รับมอบอำนาจจากผู้สูงอายุ
    ( สำหรับการโอนเงินเข้าบัญชี ปัจจุบันยังให้สิทธิเฉพาะสูงอายุในเขตกรุงเทพฯ )

 

หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้ที่ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือ เบอร์ติดต่อ 02-245-5166 ซึ่งในความเป็นจริงเเล้วยังมีผู้สูงอายุในสังคมอีกมากที่ไม่ทราบว่าตนเองมีสิทธิดังกล่าว และในบางคนอาจจะมีสิทธิได้รับ เบี้ยคนพิการ เพิ่มอีกด้วย ดังนั้น อ่านบทความนี้จบเเล้วอย่าลืมเช็คสิทธิในการรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ของคุณตาคุณยายนะคะ :]

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ 

Visitors: 144,380
ยินดีต้อนรับสู่เว็บไซต์ องค์การบริหารส่วนตำบลเสมา และ ขอบคุณทุกท่านที่เยี่ยมชมเวปไชต์ของเรา